เมื่อเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนฤดู หลายคนน่าจะสัมผัสได้กับความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยเฉพาะอุณหภูมิที่สูงขึ้นที่ทำให้อากาศร้อน ฝนตกนอกฤดู ยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่าฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยตรง ซึ่งปัจจัยทั้ง 2 นี้เองเป็นสิ่งที่อาจทำให้เรามีโอกาสเจ็บป่วยแบบไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเกิดขึ้นตามมา
ด้วยเหตุนี้เลยอยากชวนคุณมาหาวิธีรับมือค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เพื่อดูแลสุขภาพเงินในกระเป๋าในช่วงเวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลง ยิ่งสำหรับใครที่มีบัตรกดเงินสด บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคลในมือ ไปดูกันว่าจะบริหารค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง
อากาศเปลี่ยนแปลง = ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
อากาศที่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เกินจากแผนการเงินโดยไม่ทันตั้งตัวได้ ดังนั้นเพื่อเตรียมตัวรับมือให้พร้อม ไปดูตัวอย่างค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เป็นค่าใช้จ่ายหลักกับค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจเกิดขึ้นกัน
- ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและยารักษาโรค
การเปลี่ยนแปลงของอากาศอาจส่งผลต่อสุขภาพ ทำให้เกิดโรคประจำฤดูกาล ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่คุณต้องเผชิญช่วงนี้
- ค่ารักษาพยาบาลจากโรคต่าง ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ภูมิแพ้ หรือปัญหาผิวแห้ง และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ต้องพบแพทย์
- ค่ายาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพต่าง ๆ เช่น ยาแก้แพ้ วิตามิน อาหารเสริมสำหรับเสริมภูมิคุ้มกันป้องกันโรค หรือแม้แต่ครีมบำรุงผิวก็นับเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
- ค่าอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นหรือเชื้อไวรัส เช่น หน้ากากอนามัย เครื่องฟอกอากาศ แว่นตากันฝุ่น เป็นต้น
- ค่าไฟฟ้า
อากาศร้อนจัดทำให้หลายคนต้องเปิดแอร์เกือบตลอดทั้งวัน ในขณะที่ช่วงอากาศหนาว ก็อาจต้องใช้เครื่องทำน้ำอุ่นมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นแบบไม่รู้ตัว การเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงานและปรับพฤติกรรมการใช้งานให้เหมาะสมจึงเป็นวิธีช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
- ค่าเดินทาง
หลาย ๆ สภาพอากาศทำให้ค่าเดินทางเพิ่มขึ้นด้วยความจำเป็น เช่น กรณีฝนตกหนัก อาจทำให้ต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะที่แพงขึ้นจากเดิม เช่น แท็กซี่ หรือเรียกใช้บริการการเดินทางจากบริษัทต่าง ๆ ที่ทำให้ต้องใช้บัตรเครดิตตัดเงินไป
- ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยานพาหนะ
ไม่เพียงแค่เราเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบเมื่ออากาศร้อนจัด เพราะจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปอาจส่งผลต่อสภาพรถยนต์ เช่น แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น ยางเสื่อมสภาพ ทำให้ต้องเสียค่าซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาเพิ่มขึ้นด้วย
- ค่าเสื้อผ้าและอุปกรณ์ตามฤดูกาล
ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ส่งผลโดยตรง แต่บางครั้งเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงก็ทำให้ต้องหาเสื้อผ้าใหม่ เช่น เสื้อผ้าโปร่งเบาในหน้าร้อนหรือเสื้อกันหนาวในหน้าหนาว รวมถึงอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น ร่ม ครีมกันแดด หมวก หรือผ้าพันคอ มาใช้ ซึ่งของต่าง ๆ เหล่านี้อาจดูเป็นค่าใช้จ่ายเล็กน้อย แต่เมื่อรวมกันแล้วก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
3 วิธีรับมือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นแบบง่าย ๆ และได้ผล
จะเห็นได้ว่าค่าใช้จ่ายที่มาพร้อมกับช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนมีอยู่หลายอย่างมาก ดังนั้นไปดูทริคต่าง ๆ ที่ช่วยจัดการค่าใช้จ่ายส่วนนี้แบบที่ไม่ต้องมีบัตรเครดิตก็สามารถทำได้พร้อมกัน
1. วางแผนงบประมาณล่วงหน้า
ให้แบ่งเงินจากรายรับทุกเดือนออกมากันไว้สำหรับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่ไม่คาดคิด โดยอาจแบ่งมากหรือน้อยไม่เท่ากันในแต่ละเดือนก็ได้ แต่ต้องแบ่งออกมากันไว้ทุกเดือน เพื่อจะได้มีเงินก้อนสำรองไว้
2. คิดก่อนซื้อและเลือกซื้ออย่างชาญฉลาด
เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ก่อนซื้อสินค้าอะไรก็ตาม ควรเปรียบเทียบราคาและใช้โปรโมชันจากร้านค้าเพื่อความคุ้มค่า ยิ่งร้านค้าออนไลน์ที่เดี๋ยวนี้มีโปรฯ ส่วนลดค่อนข้างเยอะ และยังมีวิธีการชำระเงินนอกเหนือจากบัตรเครดิตให้เลือกหลากหลาย คุณจึงสามารถบริหารเงินได้ง่ายกว่า นอกจากนั้นควรพิจารณาให้มั่นใจถึงความจำเป็นก่อนซื้อสินค้า และอาจเลือกซื้อแพ็กเกจตรวจสุขภาพล่วงหน้า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายลงอีกทางหนึ่ง
3. บริหารเงินด้วยบัตรกดเงินสด สะดวกเรื่องค่าใช้จ่ายสุขภาพไม่แพ้บัตรเครดิต
เรื่องสุขภาพค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายคน แต่ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีบัตรเครดิต ด้วยเพราะคุณสมบัติด้านต่าง ๆ ยังไม่เข้าเกณฑ์ เช่น เงินเดือน อายุงาน แต่ทราบไหมว่าคุณยังสามารถสมัครบัตรกดเงินสดได้
“บัตรกดเงินสดยูเมะพลัส” มีบริการ DREAMwallet
พร้อมตอบทุกโจทย์ เมื่อมีค่าใช้จ่ายยามจำเป็น
เพียงคุณเป็นพนักงานผู้มีรายได้ประจำและมีอายุงานตั้งแต่ 1 เดือน ขึ้นไป ก็สามารถสมัครบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสได้ พร้อมรับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 30 วัน* และนอกจากนั้นยังมีบริการ DREAMwallet ที่พร้อมอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ
บริการ DREAMwallet เป็นบริการเบิกถอนเงินช่องทางใหม่จาก Umay+ เปรียบเสมือนกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีรูปแบบการให้บริการโดยการเบิกถอนเงินจากบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสไปที่ DREAMwallet เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าต่าง ๆ ได้สะดวกทั้งออนไลน์และหน้าร้าน
- ชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada ในการซื้อแพ็กเกจตรวจสุขภาพ อาหารเสริม หรืออุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น หน้ากากอนามัย ได้ง่าย ๆ เพียงกรอกรายละเอียดของบัตร DREAMwallet เพื่อเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการ
- ชำระค่าสินค้าหน้าร้านค้าชั้นนำที่มีสัญลักษณ์ VISA ได้สะดวกเช่นเดียวกัน เพียงสแกนผ่าน VISA QR Code เพื่อซื้อสินค้าสุขภาพชิ้นใหญ่ขึ้น เช่น เครื่องกรองอากาศ
สมัครง่าย ไม่มีค่าธรรมเนียม เพียงมีบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส ก็สามารถเปิดใช้บริการได้ทันที จึงสามารถใช้งาน DREAMwallet ได้ตลอด 24 ชม. ไม่ต่างจากการมีบัตรเครดิต
เพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน บริหารค่าใช้จ่ายด้วยบัตรกดเงินสดหรือสินเชื่อส่วนบุคคล
เมื่อเกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดอย่างค่ารักษาพยาบาล ซึ่งต้องมีความพร้อมทางการเงิน การมีแหล่งเงินสำรองจะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ทางการเงินได้อย่างมั่นคง บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นตัวเลือกที่ช่วยให้บริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่าเราจะใช้เครื่องมือทางการเงินเหล่านี้ในการเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินและเพื่อประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร
- กรณีที่มีค่าใช้จ่ายสูง
เช่น การแอดมิตนอนโรงพยาบาล หรือต้องทำการผ่าตัด ที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาล่าช้าได้ อาจลองพิจารณาบัตรกดเงินหรือสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อนำมาช่วยบริหารสภาพคล่อง โดยอาจเลือกจากสถานะทางการเงินของคุณในขณะนั้น เพราะบัตรกดเงินสดจะเหมาะสำหรับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้เงินสดทันที ในขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลจะเหมาะสำหรับค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่ต้องการแผนการผ่อนชำระระยะยาว
- เปรียบเทียบข้อดี – ข้อจำกัดของบัตรกดเงินสดกับสินเชื่อส่วนบุคคล กรณีที่เจอสถานการณ์ไม่คาดฝัน
บัตรกดเงินสด
- ข้อดี
– กดเงินสดผ่านตู้ ATM ที่ร่วมรายการได้ทั่วประเทศ และสามารถสั่งโอนเงินเข้าบัญชี ได้ทุกที่ ทุกเวลา
– คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก จึงสามารถวางแผนชำระเองได้ หากจ่ายคืนเร็ว ดอกเบี้ยก็จะลดลง หรือถ้ามีเงินก้อน ก็สามารถนำไปปิดยอดได้
– ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
– สามารถผ่อนชำระสินค้าได้
– ใช้เวลาสมัครและอนุมัติไม่นาน
- ข้อจำกัด
– อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้ผู้ค้ำประกัน
– หากชำระเพียงขั้นต่ำ อาจทำให้ดอกเบี้ยสะสมเพิ่มขึ้น
– อาจมีค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ในบางสถาบันการเงิน
– อาจส่งผลกระทบต่อเครดิตทางการเงิน หากชำระคืนล่าช้า
สินเชื่อส่วนบุคคล
- ข้อดี
– ได้รับเงินก้อนไปใช้จ่ายตามแผนที่วางไว้ เช่น ค่ารักษาพยาบาล การลงทุนซื้อของชิ้นใหญ่เพื่อตนเองและครอบครัว
– อัตราดอกเบี้ยคิดเป็นรายเดือน และบางกรณีอาจมีอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก จึงบริหารการชำระคืนได้ง่าย
– มีระยะเวลาผ่อนชำระที่แน่นอน และมีระยะเวลาผ่อนชำระที่นาน ช่วยแบ่งเบาภาระ เพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน
- ข้อจำกัด
– เมื่อชำระคืนเรียบร้อยจะไม่สามารถเบิกใช้วงเงินใหม่ได้
– อาจใช้เวลาในการสมัครขอสินเชื่อและผ่านกระบวนการอนุมัติหลายวัน
– ใช้เอกสารประกอบการสมัครค่อนข้างเยอะ เช่น สลิปเงินเดือนหรือเอกสารแสดงรายได้
– อาจมีค่าปรับหากต้องการปิดสินเชื่อก่อนกำหนด
จะเห็นได้ว่าบัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจหากต้องการความยืดหยุ่นทางการเงินที่มากขึ้นจากเดิมในแต่ละเดือน แต่จะเลือกอย่างไร ไปดูเคล็ดลับในการเลือกกันต่อ
- เคล็ดลับการเลือกสินเชื่อที่เหมาะสม
เพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ตอบโจทย์ที่สุด ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ ในการเลือกสินเชื่อส่วนบุคคลหรือบัตรกดเงินสด
- ดอกเบี้ยต่ำ โดยให้เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลาย ๆ สถาบันการเงิน เพื่อเลือกตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด
- มีเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่น ให้พิจารณาระยะเวลาของการผ่อนและจำนวนเงินที่ต้องจ่ายแต่ละงวดให้เหมาะสมกับรายรับและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของคุณ เพื่อป้องกันการสร้างภาระหนี้โดยไม่จำเป็น
- ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ทุกครั้งก่อนตัดสินใจเลือก ควรอ่านสัญญาให้ละเอียดและตรวจสอบค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ให้ครบถ้วน เช่น ค่าปรับกรณีปิดบัญชีก่อนกำหนดหรือค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสด เพื่อจะได้ทราบถึงค่าใช้จ่ายอีกส่วนที่ต้องจ่ายแยก
- เลือกสถาบันการเงินที่เชื่อถือได้ เบื้องต้นอาจเลือกจากผู้ให้บริการหรือสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียง และได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อความมั่นใจในการใช้บริการ
- มีช่องทางที่ติดต่อได้ง่าย สอดคล้องกับข้อด้านบน เพราะในกรณีที่เกิดติดปัญหาหรือหากคุณมีข้อสงสัย จะช่วยให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้สะดวกและรวดเร็วมากกว่า
3 เทคนิคดูแลสุขภาพเพื่อลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ทราบข้อมูลเกี่ยวกับวิธีรับมือค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด พร้อมรับข้อมูลการเลือกเครื่องมือทางการเงินแต่ละแบบให้ได้ประโยชน์สูงสุดกันไปแล้ว มาปิดท้ายกันที่เรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้ อย่างเทคนิคการดูแลสุขภาพเพื่อลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ไปดูกันว่าแต่ละข้อจะมีอะไรบ้าง
1. เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ทุกวันด้วยอาหารที่มีประโยชน์
เพื่อสุขภาพที่ดี ควรรับประทานอาหารที่ดีต่อร่างกาย เช่น อาหารที่มีไขมันดี ผัก ผลไม้ ลดอาหารที่มีแป้ง ไขมัน และน้ำตาลสูง ก็จะช่วยลดโอกาสเจ็บป่วยได้
2. ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ
เพื่อลดความเสี่ยงจากอากาศเปลี่ยนแปลง การทำให้ร่างกายแข็งแรงจากภายในก็มีส่วนสำคัญ ดังนั้นจึงควรออกกำลังกายในแบบที่ชอบหรือถนัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทำได้ต่อเนื่อง และควรดูแลเรื่องการนอนให้ดี เพื่อให้พักผ่อนเพียงพอกับวัยของคุณ หากบาลานซ์ทั้งสองเรื่องนี้ได้ ก็จะช่วยเรื่องสุขภาพได้มากขึ้น
3. คิดอยู่เสมอว่าป้องกันดีกว่ารักษา
ไม่ต้องรอให้เจ็บป่วยก่อนถึงจะดูแลตัวเอง เพราะเราสามารถเริ่มป้องกันอาการเจ็บป่วยได้เลย เช่น การสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือการหลีกเลี่ยงไปในพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 สูง และหมั่นล้างมือก่อนรับประทานอาหาร หรือหยิบจับสิ่งของทุกครั้ง เมื่อดูแลสุขอนามัยเหล่านี้ครบถ้วน ก็ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายสุขภาพในระยะยาว
ถึงแม้ว่าอากาศเปลี่ยนแปลงอาจจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด แต่หากทุกคนมีการวางแผนการเงินที่ดี ไม่ว่าจะด้วยการแบ่งเงินสำรองเอาไว้ หรือการเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ก็จะช่วยลดผลกระทบสุขภาพเงินในกระเป๋าได้
อย่างบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส ที่มีบริการกดเงินไม่ใช้บัตร, สั่งเงินโอนเข้าบัญชี, DREAMwallet และสามารถผ่อนชำระสินค้าได้** ผ่าน Umay+ Application ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในการเข้าถึงเงินสดและเข้าถึงความสะดวกในการซื้อสินค้าต่าง ๆ เมื่อจำเป็น หากต้องการสมัครบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส เพื่อใช้บริการที่น่าสนใจ สามารถสมัครได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.umayplus.com/cashcard/applyform
- ดาวน์โหลดแอปฯ Umay+ : ได้ทั้ง iOS และ Android เพื่อสมัครบัตร
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2695-0000
ซึ่งนอกจากปัจจัยทั้งสองข้างต้นแล้ว หัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมีสุขภาพที่ดีจากการดูแลตัวเองอยู่เสมอ เพราะเมื่อสุขภาพแข็งแรง ก็จะช่วยให้ค่าใช้จ่ายลดลง และพร้อมรับมือทุกเมื่อไม่ว่าจะเจอกับสภาพอากาศแบบไหนก็ตาม
หมายเหตุ :
*เพียงมียอดเบิกถอนเงินสดภายใน 30 วันหลังจากได้รับการอนุมัติ (เฉพาะยอดเบิกถอนภายในวันแรก สำหรับลูกค้าใหม่เท่านั้น) หลังจบรายการส่งเสริมการขายอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ย 19.8% – 25% ต่อปี
**อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อผ่อนชำระ 16.44% – 25% ต่อปี, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส